“เทนนิส” จอมเตะเบอร์ 1 ของโลก คว้าแชมป์ 4 สมัย ซีเกมส์ 2023

“พาณิภัค”ตั้งใจโบกมือลาซีเกมส์ลุ้นทิ้งทวนที่ไทยปี 2025

“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หลังซิวทองซีเกมส์สมัยที่ 4 เจ้าตัวเผยไม่ชัวร์อยู่แข่งปี 2025 ที่ไทยหรือไม่ อาจต้องไว้ตัดสินใจอีกครั้ง

หลังการแข่งขัน  “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เปิดเผยว่า “ดีใจที่ และภูมิใจตัวเองมากๆ ที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์เป็นเหรียญที่ 4 แล้ว ขอบคุณคนไทยทุกคนที่ส่งกำลังใจมาเชียร์ เหรียญนี้ก็ทำให้คนไทยมีความสุขไปด้วย ส่วนการที่พาคุณพ่อลงไปวิ่งดีใจในสนามด้วยนั้นก็ถือเป็นช่วงเวลาครั้งหนึ่งที่อยากเก็บไว้กับพ่อ เพราะพ่อมาเชียร์หลายสนามมากๆ แต่ยังไม่เคยลงไปวิ่งธงด้วยกัน ครั้งนี้ก็อยากให้พ่อวิ่งธงกันหนูไปด้วย

พาณิภัค กล่าวอีกว่า ในรอบชิงช่วงแรกก็มีสติหลุดไปจนโดนนำ ค่อนข้างโกรธเหมือนกัน แต่ก็เอาตัวกลับมาได้ เพราะยังเหลือเวลาอีกเยอะเหมือนกันหลังจากที่โดนนำ และโค้ชก็คอยบอกมาปรับแผนหน้างาน หลังจากนี้มีเวลาเหลืออีก 1 ปีกว่าจะไปถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส ก็จะพยายามทำผลงาน และเก็บเหรียญทองไปฝากคนไทยให้ได้เยอะ ทั้งชิงแชมป์โลก สิ้นเดือนนี้ เวิลด์กรังปรีด์ ที่อิตาลี และหลายรายการในปีนี้

“หนูวางเป้าหมายว่าอยากคว้าเหรียญทองให้ได้มากที่สุดในทุกครั้งที่ลงแข่ง ไม่ใช้แค่เข้าร่วมเฉยๆ หรือติดเหรียญ เพราะอยากได้เหรียญทองทุกครั้ง ตอนก่อนมาแข่งซีเกมส์ครั้งนี้ก็รู้สึกกังวลว่าจะเกิดอาการบาดเจ็บก่อนชิงแชมป์โลก แต่ตอนนี้แข่งเสร็จสบายใจได้ไม่มีอาการใด หลังจากนี้มีบนบานเอาไว้ให้คว้า 3 แชมป์รวด แต่ยังไม่อยากบอกว่าบนไว้ที่ไหน อยากให้สำเร็จก่อน ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจเชียร์หนูด้วยค่ะ”

พาณิภัคกล่าวในตอนท้ายว่า จากซีเกมส์ครั้งแรกเมื่อปี 2013 จนถึงตอนนี้ถือว่ามันผ่านไปเร็วมาก ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เป็นสมัยที่ 5 แล้ว และคว้ามาได้ 4 เหรียญทอง รู้สึกตกใจว่าทำไมถึงเล่นได้นานขนาดนี้ ดีใจก็ขอบคุณทุกคนที่คอยเชียร์ และซัพพอร์ตพวกเราเสมอมา ซีเกมส์ครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายของตัวเองแล้ว แต่ทาง ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดฯ อยากให้เล่นซีเกมส์ 2025 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพอีกสมัย

1 เหรียญทองโอลิมปิก , 2 เหรียญทองชิงแชมป์โลก และอีก 22 เหรียญทองรวมทุกรายการที่ เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้ามาครอบครองนับตั้งแต่ยังแข่งขันในรุ่นเยาวชน 

หากคุณเป็น พาณิภัค ในวัย 25 ปี ที่เคยไปถึงจุดสูงสุดมาแล้วทุกรายการ รวมถึงการเป็นเบอร์ 1 ของโลก คุณอาจจะคิดว่า การแข่งขันระดับอาเซียน  หรือ ซีเกมส์ ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร และ อาจจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเสียด้วยซ้ำ ทว่าในความคิดของตัวเธอเอง ที่มองลงมาจากบัลลังก์แชมป์ กลับเห็นว่าซีเกมส์คือเวทีสะท้อนทัศนคติ ความคิดความอ่านของตัวเองได้เป็นอย่างดี หากเธอพลาดในเวทีนี้ เท่ากับว่าในวันข้างหน้า เธอจะมีข้อผิดพลาดที่เปิดช่องให้คู่แข่งหน้าไหนก็ตามล้มเธอได้ง่ายขึ้น  

ย้อนไปปี 2017 พาณิภัค เข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 2 ของตัวเอง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่เพิ่งคว้าเหรียญทอง กีฬามหาวิทยาลัยโลกที่ไต้หวัน และ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่รัสเซีย มาติดๆกันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นเดือนเกิดครบรอบ 20 ปีของเธอพอดี เรายังจำภาพวันนั้นได้ดี คุณพ่อสิริชัย วงศ์พัฒนกิจ  ผู้เป็นทุกสิ่งของเทนนิส สวมเสื้อยืดสีขาว สกรีนภาพลูกสาวในผมหน้าม้าถักเปีย ยืนทำท่าออกอาวุธในชุดเทควันโด มานั่งรอให้กำลังใจเทนนิสอยู่บนอัฒจันทร์ฝั่งกองเชียร์คนไทย สายตาผู้เป็นพ่อมองตรงลงไปที่สังเวียนอย่างจดจ่อ แม้บนนั้นจะยังไม่มีลูกสาวยืนอยู่ก็ตาม เพราะคุณพ่อรู้ดีว่าลูกสาวมาซีเกมส์ครั้งนี้เพื่อต้องการแก้มือ หลังจากซีเกมส์ครั้งแรกของเธอเมื่อปี 2013 ที่เนปิดอว์ พาณิภัค ฝังใจเจ็บเพราะแพ้เจ้าภาพไปแบบค้านสายตา และเธอก็พร่ำพูดกับตัวเองว่าเป็นเพราะเธอออกอาวุธไม่เด็ดขาดพอ 

แต่ในรอบชิงฯซีเกมส์ 2017 เทนนิส ไม่พลาดที่จะปล่อยให้เวลาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวของเธอหลุดลอย เธอใช้ทุกจังหวะและโอกาสที่มีในการจู่โจม ไล่เตะ  นูร์ ดาย่า เบนติ ชาฮาร์รุดดิน ทั้งจากท่า Hook Kicks หรือ Scorpion Kicks (เตะเกี่ยวหัว) , หมุนเตะลำตัว จนเจ้าภาพเซล้ม ไล่มาทุกกระบวนท่าแบบหนักหน่วงและเด็ดขาด ชนิดที่กองเชียร์ ได้แต่ร้อง “โอ๊ย! โอ๊ย!” ทุกครั้งที่เธอออกอาวุธ ก่อนจะชนะนักกีฬาเจ้าภาพไปขาดลอย 39-1 !และทันทีที่ผู้ตัดสินเป่าจบการแข่งขัน เพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ทูยูว์ จากกองเขียร์ไทยก็ดังลั่นฮอลล์ และในจังหวะนั้นเองที่เราหันไปเห็นว่า คุณพ่อสิริชัย ที่นั่งอยู่ในวงกองเชียร์ที่ร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เทนนิส กำลังน้ำตาคลอเบ้า นั่งมองลูกสาวชูธงชาติไทยโบกอยู่บนสังเวียน แม้จะไม่ได้กระโดดโลดเต้น หรือส่งเสียงเหมือนกับกองเชียร์คนอื่นๆ แต่แววตาที่ฉายภาพลูกสาวชูธงชาติไทยวิ่งไปรอบๆเวทีนั้น เปี่ยมไปด้วยความยินดีและภาคภูมิใจ ให้หลังพิธีรับเหรียญรางวัล เราตามคุณพ่อสิริชัยลงไปข้างสนามแข่งขัน คุณพ่อตรงเข้าไปหาเทนนิส เช่นเดียวกับเธอ ที่รอผู้เป็นพ่อและปรี่เข้าไปกอดทันทีที่เห็น 

หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในปี 2021 (จากเดิมต้องแข่งปี 2020 แต่เลื่อนจัดเพราะการระบาดของโควิด-19) พร้อมกับจารึกเรื่องราว 7 วินาทีพลิกชีวิตจากความพ่ายแพ้สู่ชัยชนะ เพราะเธอสามารถเอาชนะคู่แข่งจากสเปนที่ ณ ขณะนั้น นำเธออยู่ 10-9 มาเป็น 10-11 ได้ในเวลา 7 วินาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ชื่อเสียงของพาณิภัค ยังกระหึ่มด้วยการรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 โลกไว้ได้ยาวนาน และ ยังคงไล่ล่าเหรียญทองต่อเนื่องในอีกหลายรายการ 

ทว่าในช่วงกลางปี 2022 สหพันธ์เทควันโดโลก มีการปรับเปลี่ยนกติกาหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการห้ามเตะเกี่ยว ซึ่งเป็นท่าที่เทนนิสชอบใช้เป็นไม้ตายในการเผด็จศึกคู่แข่งและอีกหลายกติกายิบย่อย ทำให้นักกีฬาเทควันโดทั่วโลก ต้องลงแข่งขันในแต่ละรายการไปพร้อมๆกับการปรับตัวกับกติกาใหม่ที่ว่า ทำให้ช่วงปลายปีสถานการณ์ของ พาณิภัคเริ่มไม่ค่อยสู้ดี ในเดือนมิถุนายน เธอพลาดเหรียญทอง 2 รายการติดต่อกันในช่วงเดือนมิถุนายน ก่อนจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เมื่อเทนนิส แพ้ เปาโล ดานิลา ซูซ่า จอมเตะชาวเม็กซิกัน ในศึกชิงแชมป์โลกไป 1-2 ยก พลาดคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ทั้งที่ใคร ๆ ต่างก็ขนานนามว่าเธอเป็นเต็ง 1 ชนิดนอนมา

และซีเกมส์คือหนึ่งในหมุดหมายของเธอและสมาคมเทควันโด หากทำได้จะเป็นเหรียญทองซีเกมส์สมัยที่ 4 ของเทนนิส พาณิภัค ซึ่งอาจจะเป็นซีเกมส์ครั้งสุดท้ายของเธอด้วย ทว่าในเป้าหมายนั้นก็มีเสียงวิจารณ์อยู่พอสมควร เนื่องจากถัดซีเกมส์ไปเพียง 2 สัปดาห์ ก็จะเป็นศึกชิงแชมป์โลก 2023 ที่อาร์เซอร์ไบจาน 

แฟนกีฬาไทยจึงตั้งคำถามว่า ‘เหตุใดสมาคมถึงไม่ถนอมร่างกายพาณิภัคไว้รอไปรายการใหญ่ แล้วส่งดาวรุ่งไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในซีเกมส์แทน?

คำถามนี้หากตอบโดยสมาคมเทควันโด มันคือแผนงานที่วางไว้ และ สมาคมประเมินแล้วว่าพาณิภัคจะฟื้นฟูร่างกายทัน ซึ่งก็อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับแฟนกีฬาที่กังวลใจ แต่หากฟังบทสัมภาษณ์จากปากของเทนนิส ในตลอดระยะเวลาช่วงเตรียมตัวก่อนไปกัมพูชา เธอจะตอบคำถามที่สะท้อนทัศนคติที่ดีเสมอ 

“เป็นเบอร์ 1 ก็แพ้ได้ค่ะ เพราะกีฬามันก็ต้องมีทั้งคนแพ้คนชนะ” 

“หนูไม่ได้มองว่าเวทีไหนเล็กใหญ่เลยค่ะ ทุกเวทีถ้าประมาทหนูก็แพ้ได้”

“กับซีเกมส์ทุกครั้งหนูไม่เคยประมาทเลยค่ะ หนูใช้มันสำหรับเตรียมตัว เพราะถ้าหนูแพ้ หนูก็จะเห็นข้อบกพร่องของตัวเอง แล้วก็จะเห็นว่าในอาเซียนหนูก็ยังแพ้ได้ หมายความว่าในรายการอื่นๆถ้าหนูผิดพลาดหนูก็แพ้ได้เหมือนกัน”  

“หนูยังไม่ค่อยพอใจผลงานของตัวเองในปีนี้ ยังมีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไข ซึ่งในซีเกมส์หนูจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นตัวเต็งเพราะไม่อยากกดดัน จะเตะตามสไตล์ตัวเองให้เต็มที่ที่สุด จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังอีก และจะเอาเหรียญทองกลับมาฝากคนไทยให้ได้ค่ะ” 

ทั้งหมดนั้นคือการให้สัมภาษณ์ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังสมาคมฯ ยืนยันว่า พาณิภัค จะเป็นคนนำทัพเทควันโดไทยล่าทองซีเกมส์ที่กัมพูชา และเธอยังคงมีวินัยเข้มงวดในการฝึกซ้อม , อดอาหารรอชั่งน้ำหนัก ทำทุกอย่างตามระเบียบวินัยตามหลักสากล แม้จะมีเสียงวิจารณ์ตามหลังว่าซีเกมส์เป็นเวทีระดับเล็กไปสำหรับเธอก็ตาม 

อ่านข่าวสารเพิ่มเติม >>> https://www.siamsport.co.th/seagames/21203/
https://mainstand.co.th/th/features/5/article/3697